วันอังคารที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2561

หนังสือ Life Without Limits ของ Nick Vujicic

วันนี้เรามาสรุปเนื้อเรื่องคร่าว ๆ ของหนังสือ Life Without Limits ของ Nick Vujicic เป็นหนังสือภาษาอังกฤษเล่มแรกที่ได้อ่านบางครั้งอาจจะแปลผิดบ้างไม่ครบถ้วนบ้าง ในส่วนต่อไปจากนี้ขอเรียกชื่อว่า Nick แทนนะครับ เพราะถ้าเรียกเต็มมันยาวมาก ^^"

Nick เกิดที่ประเทศออสเตรเลียนะครับเค้าเกิดมาด้วยความผิดปกติทางด้านร่างกายคือไม่มีแขนและขาทั้งซ้ายและขวา แต่เค้ายังสามารถดำเนินชีวิต และเป็นนักพูดที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับคนทั้งโลกค่อนข้างเลยทีเดียวหละครับ อีกอย่าง Nick เค้าใช้ศาสนาเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจให้ผ่านเรื่องร้าย ๆ มาได้ทุกครั้ง หลายคนอาจจะสงสัยว่าเค้านับถือศาสนาอะไร เฉลยครับเค้านับถือศาสนาคริสครับ

หนังสือเล่มนี้ให้แง่คิด ทัศนคติต่าง ๆ และเครื่องมือในการช่วยเราสามารถก้าวต่อไปข้างหน้าได้หลายอย่าง ยกตัวอย่างเช่น

1.ในการดำเนินชีวิตสิ่งหนึ่งที่เราขาดไม่ได้ คือ เป้าหมาย ของชีวิตว่าเราอยากเป็นอย่างไร หลายคนอาจจะมองว่ามันเป็นอะไรที่ เบ ๆ อะทุกคนรู้อยู่แล้ว ใช่ครับ ทุกคนรู้ เพียงแต่ทุกคนทำกันหรือไม่ ซึ่งถามว่าผมรู้มั้ยก่อนหน้านี้ ผมก็รู้เหมือนกันนะครับ ประเด็นอยู่ที่ว่าแล้วเป้าหมายของชีวิตเราคืออะไร ^^" ในหนังสือเล่มนี้เค้าก็บอกคร่าว ๆ นะครับเป้าหมาย คือ "สิ่งที่เราอยากจะเป็น หรืออยากพัฒนาตัวเองไปถึงไหน" เออนะ เหมือนว่าจะง่าย แต่พอลองทำก็ยากนิดนึง แต่ผมก็ลองแล้วก็น่าสนใจดีนะครับ ^^

2.ในการไปถึงเป้าหมายนั้นเราอาจจะต้องใช้เครื่องมือทางด้านจิตใจช่วยเหลือเราบ้าง แล้วเครื่องมือเหล่านั้นคืออะไรกันหละ (ผมคงบอกได้ไม่หมดนะครับเพราะมันเยอะ ^^" )

2.1. ความเชื่อ มันเป็นเครื่องมือที่บอกว่าก่อนที่คุณจะให้คนอื่นเชื่อในตัวคุณว่าคุณจะไปถึงเป้าหมายได้นั้น คุณต้องเชื่อตัวเองก่อน

2.2.ความหวัง มันเปรียบเหมือนสายน้ำเล็ก ๆ ที่ช่วยหล่อเลี้ยงจิตใจ เป้าหมาย และความเชื่อเราว่าสิ่งที่เราทำอยู่นั้นมันสามารถเป็นไปได้ ถึงแม้จะยากส์ลำบากหน่อย ^^"

2.3. ศรัทธา มันคือ "ความเชื่อ" แต่เป็นความเชื่อในสิ่งที่ทำอยู่ว่ามันสามารถไปถึงเป้าหมายได้ ซึ่งบางครั้งเราอาจจะต้องใช้ศรัทธาช่วยเวลาที่เราเจอคนอื่น ๆ มองต่างจากเราว่าสิ่งที่เราทำนั้นมันไม่ดี เพราะเราไม่เหมือนคนอื่นเค้า หรือ ไม่มีใครทำ

2.4.การปรับทัศนคติในด้านบวก

2.4.1.การขอบคุณ เป็นการขอบคุณเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เข้ามาในชีวิตเราไม่ว่าจะดี หรือ ไม่ก็ให้ขอบคุณ ซึ่งอาจจะส่งสัยว่าเหตุการณ์ดี ๆ เข้ามาในชีวิตอะพอเข้าใจว่าขอบคุณที่มอบสิ่งดี ๆ ให้ แล้วเหตุการณ์ร้าย ๆ ทำไมต้องขอบคุณอะ เค้าบอกเราว่าเจ้าเหตุการณ์ร้าย ๆ ที่วิ่งเข้ามาในชีวิตเรานั้นเปรียบเสมือนบทเรียนให้เราได้เรียนรู้ เข้าใจสิ่งต่าง ๆ มากขึ้น

2.4.2.การลงมือทำ อ้าวเอ้ยการลงมือทำเนี้ยนะมันเกี่ยวกับอะไรกับการปรับทัศนคติในด้านบวกหละ เค้ากำลังจะบอกเราว่าถ้าเราจะทำอะไรก็ตามอย่าคิดอะไรมากเลยครับให้ "ลงมือทำมัน" ทำไปเรื่อย ๆ เคียง ๆ มาเรียง ๆ เลยทำจนกว่าจะสำเร็จตามเป้าที่เราได้วางเอาไว้ บางครั้งอาจจะเจออุปสรรคอะไรก็ทำต่อครับ

2.4.3.การเข้าใจ ตามตัวเลยครับพยายามทำความเข้าใจสิ่งต่าง ๆ ที่เข้ามากระทบว่าทำไมสิ่งนี้ถึงเป็นอย่างนี้ ซึ่งมีตัวอย่างที่เป็นเรื่องเล่าใน Internet คือ

มีผู้ชายคนหนึ่งขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดินพร้อมลูก ๆ 3 คน ซึ่งลูก ๆ ทั้ง 3 คนค่อนข้างซนจนทำให้ผู้โดยสารรถไฟขบวนนั้นออกอาการลำคานเด็ก ๆ แล้วเข้าไปบอกพ่อที่มากับลูกว่าทำไมไม่รู้จักดูแลลูกให้ดีกวนคนอื่นหมดแล้วนะ ผู้เป็นพ่อก็ขอโทษผู้โดยสารท่านนั้นแล้วบอกว่าเด็กเค้าคงยังไม่ทราบว่าแม่เค้าเพิ่งเสียไปเมื่อกี้ ผู้โดยสารท่านนั้นได้ฟังอย่างนั้นแล้วก็เข้าใจ และได้ขอโทษคุณพ่อลูก 3 ท่านนั้น

2.4.4.การให้อภัยข้อนี้มันอาจจะเป็นผลมาจากการเข้าใจ(ในมุมมองของตัวผม) พอเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น และมากระทบกับเรา อันไหนมากระทบแล้วทำให้เรารู้สึกแย่เราก็ให้อภัย อะไรประมาณนั้น ^^"

2.5.การจัดการเกี่ยวกับความกลัว หรือ ความกังวล เค้าบอกว่าความกลัว หรือ ความกังวลเป็นเพียงอารมณ์ความรู้สึกที่เกิดขึ้น เราสามารถจัดการกับมันได้โดยการ

2.5.1.ให้นึกภาพว่าเราสามารถทำมันได้ และได้การตอบรับที่ดี (อันนี้ค่อนข้างใช้พลังงานในการมโนเยอะยากส์นิดนึงสำหรับผม ^^")

2.5.2.การเตรียมตัวให้พร้อมที่สุดเท่าที่เราสามารถทำได้ครับ (อันนี้ง่ายกว่าข้อเมื่อกี้เยอะเลยเนอะ สำหรับผมนะครับ ^^)

2.6.มุมมองสำหรับข้อผิดพลาด

2.6.1.อันนี้เหมือนกับสุภาษิตไทยเลยครับคือ ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นเปรียบเสมือนครู ให้เราได้เรียนรู้ว่าเราพลาดอะไร และพยายามหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดอันเดิมในครั้งต่อไป

2.6.2.ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นจะทำให้เรามีความเข้มแข็งมากขึ้นกว่าเดิม

2.6.3.เอาความผิดพลาดที่เกิดขึ้นเปรียบดังแรงขับเคลื่อน ให้เราเดินไปข้างหน้าอย่างเข้มแข็ง และไปถึงเป้าหมายให้ได้

2.6.4. การปล่อยวาง ความหมายของมันคือ ปล่อยวางผลที่เกิดขึ้น เนื่องจากเมื่อเราทำเต็มที่แล้วไม่ว่าผลจะออกมาพลาดมาก หรือ พลาดน้อย ก็ให้ปล่อยวางมัน เพราะได้ทำทุกอย่างเต็มที่แล้ว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น